เริ่มตั้งแต่การเผยโฉมตัวจริงของ MG Cyberster โรดสเตอร์ไฟฟ้าเปิดประทุน 2 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำและประตูแบบปีกนกที่เตรียมผลิตขายทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ด้วยเปิดตำนานบทใหม่อย่าง MG7 สปอร์ตซีดานหรูระดับแฟลกชิพ เจ้าของสถิติกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด และอีวีรุ่นฮิตอย่าง MG4 ELECTRIC
MG Cyberster จากรถต้นแบบสู่สายการผลิต เรียกได้ว่าเป็นหมัดเด็ดของบูธเอ็มจี ก็ว่าได้ สำหรับเวอร์ชั่นเตรียมขายของ MG Cyberster หลังนั่งแท่นการเป็นรถโกลบอลอีวีอีกรุ่นของเอ็มจีที่สะกดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูแต่ทรงพลังมาพร้อมหลังคาซอฟต์ท็อปที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ประตูแบบปีกนก นับเป็นสถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ของเอ็มจีที่จะมาฉีกกฎการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าให้ล้ำสมัยไปอีกขั้น บริเวณกระจังหน้าและแผงกันชนหน้า ได้รับการออกแบบด้วยดีไซน์ “WindHunter” ในขณะที่รูปลักษณ์ของไฟหน้าถูกออกแบบให้ดูมีขนาดใหญ่ เส้นด้านข้างของตัวรถบริเวณใต้กรอบกระจกที่มีดีไซน์แบบ “Leopard JumpShoulder Line” มุ่งเน้นให้เห็นรูปร่างงดงามสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและช่วยให้รถมีศูนย์ถ่วงต่ำ ด้านท้ายมีลักษณะลาดตัดสั้น และส่วนโค้งด้านหลังตัวรถที่ยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายหางเป็ด ช่วยให้ด้านหลังของรถดูโดดเด่น ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ
ถัดมาเป็น MG7 สปอร์ตซีดานระดับเรือธงที่สร้างตำนานบทใหม่กับการเป็นสปอร์ตซีดานสุดหรูที่ลุยเส้นทางสุดทรหดจนได้รับการบันทึกของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาบนเส้นทางจากมณฑลซินเจียง ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนมุ่งหน้าสู่ทิเบต ซึ่งไต่ระดับความสูง 5,978.17 เมตร สูงที่สุดที่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเคยไปถึง ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ด้วยสมรรถนะเหนือระดับของ MG7
อีกทั้งเป็นโมเดลที่โดดเด่นในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวถังแบบ Fastback ท้ายสั้นมีหลังคาที่ลาดลงด้านหลังกึ่งรถคูเป้เส้นสายรอบคันชัด เฉียบคม ช่วยเสริมภาพลักษณ์สายพันธุ์สปอร์ต มาพร้อมบานประตูแบบไร้กรอบเฉกเช่นรถซูเปอร์คาร์ สปอยเลอร์หลังแบบ 3 ก้านควบคุมด้วยไฟฟ้าสามารถยกขึ้นลงได้ มาพร้อมห้องโดยสารพรีเมียมที่ให้ความสุนทรีตลอดการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นหลังคาซันรูฟแบบเต็มบาน เบาะดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังคุณภาพสูง หน้าจอแสดงผลแบบ Dual Widescreen Cockpit ล้ำสมัยเติมเต็มอรรถรสด้วยระบบเสียงรอบทิศจากลำโพง BOSE มีด้วยกัน 2 รุ่นย่อย คือ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด และรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สมรรถนะสูง พร้อมเกียร์ Dual Clutch แบบ 7 สปีด ให้กำลังสูงสุด 188 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 รอบ/นาที มีอัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 17.8 กิโลเมตรต่อลิตรคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อต
สุดท้าย MG4 ELECTRIC แฮทช์แบ็กไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟฟ้าที่ขับสนุกที่สุดแห่งยุค ถือเป็นโกล บอลโมเดลที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลกจำหน่ายอยู่ใน 30 ประเทศ ทั่วทวีปยุโรป และขยายตลาดต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงประเทศออสเตรเลียและประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวมาโกลบอลโมเดลรุ่นนี้ ได้สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง ด้วยการเป็นรถยนต์เอ็มจีรุ่นแรกในตลาดนอกประเทศจีน ที่มียอดขายเกินกว่า 10,000 คัน.